Blog

ในสมัยนี้นั้น เทรนด์ของแฟชั่น การออกแบบ กำลังได้รับความนิยม เป็นกระแสมาแรงอย่างมาก ทำให้การเรียนการสอนในด้านของการออกแบบ แฟชั่น และศิลปะ ก็มีหลายคนที่ให้ความสนใจ อยากที่จะศึกษาต่อในด้านนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่การศึกษาต่อในประเทศเท่านั้น การเรียนด้านแฟชั่นและการออกแบบในต่างประเทศ ที่เป็นประเทศชั้นนำของโลกทางด้านศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบ ก็ได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะจะช่วยให้เราเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในด้านการออกแบบ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะการออกแบบที่เป็นสากล ซึ่งการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น ก็มีทุนการศึกษาที่จะช่วยสานฝันให้กับนักเรียนที่สนใจในด้านนี้เช่นกัน วันนี้เราเลยได้นำข้อมูลดีๆ ที่เกี่ยวกับ ทุนเรียนต่อต่างประเทศ มาฝากกันผ่านเรื่องแนะนำทุนเรียนต่อต่างประเทศสายแฟชั่น จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันได้เลย

แนะนำสถาบันสายแฟชั่นที่มี ทุนเรียนต่อต่างประเทศ

• Istituto Marangoni 

สถาบันที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องของงานศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบ มีการเปิดสอนมามากกว่า 80 ปี  ก่อตั้งในปี 1983 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เปิดรับนักศึกษาจากทั่วโลก มีวิทยาเขตที่ตั้งอยู่ในเมืองออกแบบชั้นนำของโลกถึง 9 ที่ ซึ่งมีเปิดให้ประกวดเพื่อชิงทุนการศึกษาเรียนต่อต่างประเทศมากมาย โดยมีวิทยาเขต ดังนี้ 

• Milan, Italy (Fashion and Design campuses)
• Florence, Italy (Focused on Fashion, Art, and Design)
• Paris, France (Fashion, Design, and Art)
• London, UK (Fashion and Design)
• Miami, USA (Fashion and Design)
• Mumbai, India (Fashion and Design)
• Shanghai, China (Fashion and Design)
• Shenzhen, China (Fashion and Design)
• Dubai, UAE 

• Domus Academy 

หนึ่งในโรงเรียนสอนด้านออกเเบบ สถาปัตยกรรม และแฟชั่น ที่ได้รับจัดอันดับให้เป็นสถาบันอันดับต้นของโลก มีรางวัลการันตีมากมาย โดยผู้เรียนสามารถทำการเลือกแผนการเรียนได้ตามความสนใจ เน้นการเรียนในภาคปฏิบัติ ฝึกการทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนําทั้งในอิตาลี และต่างชาติ ทำให้ได้รับประสบการณ์จริง และที่สำคัญ สถาบันนี้ยังเปิดให้สมัครชิงทุนเรียนต่อทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทอีกด้วย

• NABA (Nuova Accademia di Belle Arti) 

สถาบันที่มีการเรียนการสอนในเรื่องของการออกแบบ และศิลปะของประเทศอิตาลี ที่เป็นประเทศชั้นนำในเรื่องของศิลปะ ได้รับจัดอันดับให้เป็นสถาบันด้านศิลปกรรม (FINE ARTS) ที่ดีที่สุดของอิตาลี โดยสถาบัน NABA ก่อตั้งในปี 1982 ที่เมืองมิลาน ประเทศ อิตาลี มีวิทยาเขตอยู่ที่มิลานและกรุงโรม เปิดให้นักเรียนได้สมัครประกวดชิงทุนเรียนต่ออยู่บ่อยครั้ง

แนะนำทุนเรียนต่อของแต่ละสถาบัน

1. สถาบัน NABA มีการประกวดทุนเรียนต่อ ปริญญาโท 2 ปี Fine Art-Design-Fashion ลดสูงสุด 7,000 euro เป็นการประกวด Portfolio เพื่อชิงทุนการศึกษาสูงสุดที่ 7,000 euro สามารถเลือกเรียนในหลักสูตรปริญญาโท Master of Arts 2 ปี ได้ในทุกสาขา อาทิเช่น MA in Fashion Design, MA in Visual Arts and Curatorial Studies, MA in Interior Design, MA in Social Design, MA in Textile Design หรือ MA in Product Design & Service Design และสาขาอื่นๆ ในหลักสูตรนี้

2. สถาบัน Domus Academy เปิดรับสมัครชิงทุนการศึกษาเรียนต่อต่างประเทศในรูปแบบของ Project Competition ในทุกหลักสูตรปริญญาตรี 1 ปี ในด้านของสาขาแฟชั่น สาขาสถาปัตยกรรม สาขาการออกแบบประสบการณ์และสาขาการบริหารธุรกิจ ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 4 สาขา ใน 11 หลักสูตร เพื่อชิงทุนเรียนต่อสูงสุดถึง 8,000 euro และมอบให้กับ 4 รางวัล ดังนี้ 

• รางวัลที่ 1 จำนวน 8,000 euro
• รางวัลที่ 2 จำนวน 7,000 euro
• รางวัลที่ 3 จำนวน 6,000 euro
• รางวัลที่ 4 จำนวน 5,000 euro

3. Istituto Marangoni มีการเปิดรับสมัครชิงทุนส่วนลดค่าเล่าเรียนในทุกหลักสูตร ทั้งหลักสูตรปริญญาตรี หลักสูตรปริญญาโท และหลักสูตร Intensive สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการเรียนออกแบบและแฟชั่น แต่สนใจเปลี่ยนสายการเรียน หรือสนใจทำงานในด้านการออกแบบ โดยเป็นส่วนลดค่าเล่าเรียนสูงถึง 5,000 euro สำหรับวิทยาเขต Milan, Florence และ Paris ส่วนลด 5,000 GBP สำหรับวิทยาเขต London และส่วนลด 20,000 AED สำหรับวิทยาเขต Dubai นั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลดีๆ ที่มีประโยชน์ในเรื่อง แนะนำทุนเรียนต่อต่างประเทศสายแฟชั่น ที่เรานำมาฝากให้กับทุกคนกัน โดยแต่ละสถาบัน ล้วนก็เป็นสถาบันด้านการออกแบบ และแฟชั่นชั้นนำของประเทศทั้งนั้น โดยเราสามารถเลือกสาขาการเรียนที่เรามีความสนใจ และศึกษาข้อมูลของทุนเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติมได้ เพราะแต่ละสถาบันก็จะมีเงื่อนไขของทุนการศึกษาที่แตกต่างกันออกไป ควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจ รวมทั้งถ้าหากใครที่สนใจเรียนต่อต่างประเทศใน 3 สถาบันนี้ ต้องการที่ปรึกษา และให้คำแนะนำในด้านนี้อย่างละเอียด ช่วยในเรื่องการวางแผนการเรียนต่อ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

การเรียนทางด้านแฟชั่น การออกแบบ ไม่เพียงแต่มีคณะที่เกี่ยวกับการออกแบบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังสามารถแตกแขนงออกไปได้อีกหลากหลาย ให้เราได้เลือกเรียนตามความสนใจ โดยหนึ่งในคณะที่ได้รับความนิยมสูงมาก สำหรับการเรียนต่อสายแฟชั่น และออกแบบในต่างประเทศ นั่นคือ คณะ Luxury brand management  ซึ่งคณะนี้มีการเรียนการสอนในเรื่องของการจัดการแบรนด์หรูหราที่มีมูลค่า รวมไปถึงเรื่องของธุรกิจ และการตลาดของสินค้าแบรนด์หรูนั่นเอง วันนี้เราจะไปเจาะลึกทำความเข้าใจเกี่ยวกับคณะนี้กันให้มากขึ้นผ่านเรื่อง จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นไปดูกันได้เลย 

คณะ Luxury brand management คืออะไร?

คณะที่มีการเรียน การสอน ควบคู่ทั้งในด้านของการบริหารจัดการให้เกิดความสมดุล และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ควบคู่กันไป เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ ดำเนินธุรกิจให้เติบโตขึ้น โดยในคณะนี้จะมุ่งเน้นในด้านการบริหารแบรนด์หรู หรือแบรนด์ luxury ต่างๆ การสร้างแบรนด์ในส่วนของอุตสาหกรรมแฟชั่นและสินค้า luxury เพื่อให้เข้าใจบทบาทในตลาด สามารถวิเคราะห์ ประเมินความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าใจจุดประสงค์ ขอบเขตของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี สร้างจุดยืนของแบรนด์จนนำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ในตลาดสินค้าหรูหราให้ประสบความสำเร็จ และเป็นที่น่าจดจำของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด

ทักษะที่จะได้จากการเรียน

• ทักษะในด้านความคิดสร้างสรรค์ 

การทำธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องของแฟชั่น การออกแบบนั้น นอกจากจะทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ในด้านของการทำการตลาดแล้ว ยังช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ แปลกใหม่ เป็นที่น่าจดจำ ช่วยเพิ่มทักษะในการคิดเร็ว และเสนอไอเดียได้อีกด้วย

• ทักษะในการจัดการและการวางแผน 

การเรียนคณะนี้ได้ ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด สามารถจัดการธุรกิจให้ออกมาดีที่สุด จัดการโครงการได้เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้การดำเนินงานนั้น เป็นไปตามแต่ละลำดับ

• ทักษะในด้านของการสื่อสาร 

สิ่งที่ได้มากที่สุด คือ ทักษะในการสื่อสาร เพราะนอกจากต้องสื่อสารกันภายในแล้ว ยังต้องสื่อสารกับลูกค้าให้มีความเข้าใจ มีวาทศิลป์ในการต่อรอง โน้มน้าวใจ มีศิลปะในการสื่อสาร เลือกใช้การสื่อสารได้เหมาะสม

• ทักษะในการสื่อสารต่างประเทศ

แบรนด์หรูส่วนใหญ่ เกิดมาจากชาวต่างชาติ และการเรียนต่อในคณะนี้ ช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาที่ 2 และ 3 ที่จำเป็น เพราะลูกค้าในวงการนี้ มีหลากหลายเชื้อชาติ หากสามารถสื่อสารได้หลายภาษา ก็จะยิ่งได้เปรียบในการทำงาน

โอกาสในการประกอบอาชีพ  

• Luxury brand manager (ผู้จัดการแบรนด์หรู )
• Brand Expert & Marketing Consultant in the luxury industry (ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแบรนด์และที่ปรึกษาด้านการตลาดของอุตสาหกรรมแฟชั่นสินค้าหรูหรา)
• Marketing Manager (ผู้จัดการการตลาด)
• Communication & PR Manager (ผู้จัดการทางด้านการติดต่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์)
• Product Manager (ผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์)
• Digital Communication Expert (ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารในโลกดิจิทัล)
• Luxury Sales Manager (ผู้จัดการฝ่ายการขายสินค้าแบรนด์หรู)
• Visual Merchandising Manager (ผู้จัดการทางด้านการจัดการประสบการณ์ผู้ใช้บริการ)
• Luxury Retail Manager (ผู้จัดการการขายปลีกสินค้าแบรนด์หรู)
• Fashion Retail Manager (ผู้จัดการการขายปลีกสินค้าแฟชั่น)

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความรู้ดีๆ เกร็ดเล็กน้อยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งคณะนี้นั้นเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีความสนใจในเรื่องของแฟชั่น การออกแบบ ที่ควบคู่ไปกับการจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ หากใครที่มีความสนใจ อยากที่จะเรียนต่อคณะ Luxury brand management ในสถาบันต่างประเทศ ต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม หรือที่ปรึกษาแนวทางในการเรียนต่อ ก็สามารถเข้ารับคำแนะนำหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Line : @dpeducation แล้วคุณจะได้เรียนในสายแฟชั่นที่ตรงใจแน่นอน

อาชีพในด้านของศิลปะ การออกแบบ และการตกแต่งนั้น เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความหลากหลาย สามารถแตกแขนงออกไปได้ในหลายทิศทาง อาทิ การออกแบบแฟชั่น ออกแบบอาคาร ที่อยู่อาศัย ออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่การออกแบบธุรกิจ ซึ่ง Interaction design ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทของรูปแบบการออกแบบ ซึ่งเป็นการออกแบบในส่วนของปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับวัตถุ เพื่อพัฒนา ออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือบริการให้เหมาะสมกับการใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานให้กับผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสมและดีที่สุด โดยหลายคนอาจยังไม่รู้จักว่าอาชีพนี้คืออะไร ต้องมีความรู้ในเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอาชีพนี้กัน ต้องทำอะไรบ้าง จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปทำความเข้าใจพร้อมกันเลย

Interaction design คืออะไร?

การออกแบบปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้ใช้งานกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือพื้นที่ที่ผู้คนจะโต้ตอบกัน ผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทั้งภาพ และสัมผัส ให้มีความสอดคล้องต่อการใช้งาน เช่น แอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ เป็นต้น ผู้ใช้ต้องบรรลุเป้าหมายการใช้งานอย่างราบรื่นที่สุด โดยนักออกแบบนั้นจะต้องทำความเข้าใจ ศึกษาผู้ใช้งานในส่วนของความต้องการ บริบทที่เกี่ยวกับการใช้งานโดยละเอียด รวมทั้งข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ มาออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ให้มีความสะดวก น่าใช้งาน และเหมาะสมมากที่สุด 

สำหรับอาชีพนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง UX ที่ดี มีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับการทำ UX Design เพราะต้องออกแบบประสบการณ์ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ ใช้งานง่าย มีลำดับขั้นตอนดี เหมาะสม เกิดความพอใจมากที่สุด จนอยากกลับมาใช้งานอีกครั้ง 

องค์ประกอบที่สำคัญ

• 1D : ข้อความ (Text) ส่วนของข้อความที่มีไว้สำหรับให้ข้อมูลกับผู้ใช้งาน
• 2D : การแสดงภาพ (Visual Representation) ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพทั้ง ไอคอน รูปภาพ ข้อความ หรือองค์ประกอบกราฟิกต่างๆ
• 3D : การใช้งานทางกายภาพ หรือ วัตถุที่เกี่ยวข้อง (Space / Physicals Object) ส่วนที่เป็นสื่อ หรืออุปกรณ์ สำหรับตอบโต้ ระหว่างผู้ใช้งาน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ อาทิ การใช้โทรศัพท์ด้วยมือ การใช้คอมพิวเตอร์ด้วยเม้า เป็นต้น
• 4D : เวลา (Time) สิ่งต่างๆ หรือสื่อที่เกิดขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาต่างๆ อาทิ เสียง แอนิเมชัน หรือวิดีโอ เป็นต้น
• 5D : พฤติกรรม (Behavior) การตอบสนอง พฤติกรรมการใช้งาน ระหว่างผู้ใช้งานกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการ 

หลักการของ Interaction Design

1. ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานหรือเป้าหมาย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของการออกแบบ โดยจะต้องตอบสนอง สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ใช้งานได้ 
2. ตอบสนองอารมณ์เชิงบวก การออกแบบนั้น จะต้องคำนึงถึงเรื่ององค์ประกอบต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในการออกแบบทั้ง การเลือกฟ้อนต์ การเลือกใช้สีที่เหมาะสม และการเลือกแอนิเมชันที่ตอบโจทย์ เพื่อสามารถสร้างอารมณ์บวกให้ผู้ใช้งานได้
3. คำนึงถึงบุคคล การออกแบบที่ดีนั้น จะต้องคำนึงถึงผู้ใช้งาน ว่ามีความต้องการอะไร มีพฤติกรรมแบบไหน และคาดหวังอะไร ในตัวผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ
4. สามารถใช้งานได้ดี ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้วัด นั่นคือ ประสิทธิภาพการใช้งาน ความสามารถในการเรียนรู้การใช้งาน การกู้คืน หรือแก้ไขข้อผิดพลาด อัตราในความผิดพลาด และความพึงพอใจในภาพรวม
5. การยศาสตร์ การออกแบบโดยใช้หลักการทางสรีระวิทยา เพื่อเข้าใจในท่าทางของมนุษย์ในการใช้งาน และออกแบบให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานได้สะดวกมากที่สุด 

โอกาสในการประกอบอาชีพ

• Interaction designer (นักออกแบบการปฏิสัมพันธ์)
• User experience designer (นักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน)
• Visual designer (นักออกแบบภาพ)
• Digital strategist (นักวางแผนกลยุทธ์ในด้านดิจิทัล)
• User interface designer (นักออกแบบหน้าอินเตอร์เฟซผู้ใช้งาน)
• Design manage (ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ)

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลดีๆ ที่เรานำมาฝากกัน อาชีพนี้ต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งอาชีพนี้เป็นอีกหนึ่งอาชีพทางด้านการออกแบบ ที่มีความจำเป็นมากในปัจจุบัน เพราะมีส่วนช่วยให้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้น ตอบโจทย์ ใช้งานได้ง่ายที่สุด ซึ่งถ้าหากใครที่มีความสนใจในการเรียนออกแบบด้านนี้ในต่างประเทศ และต้องการที่ปรึกษา เพื่อแนะแนวทางในการศึกษาต่อ รวมทั้งการเตรียมตัวในด้านต่างๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ กับพี่ๆแอดมิน dp education

“อาคาร” ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่อยู่อาศัย ตึก หรือแม้แต่อาคารพาณิชย์ต่างๆ ล้วนต้องมีการตกแต่งภายในกันทั้งสิ้น สำหรับการตกแต่งภายในนั้น ก็จะเป็นการตกแต่งห้องให้ดูสวยงาม และจัดสรรพื้นที่การใช้งานให้เหมาะสม รวมถึงเกิดประโยชน์สูงสุด โดยหน้าที่ในการการออกแบบภายในนั้น จะเป็นของ นักออกแบบ หรือมัณฑนากร Interior design อาชีพนี้ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทำให้มีหลายคนสนใจอยากเรียนต่อในด้านนี้ ซึ่งการเรียนต่อในคณะ นี้ต้องมีหลายสิ่งที่เราต้องรู้ และเตรียมตัวให้พร้อม วันนี้เราจึงได้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับคณะนี้กันให้มากยิ่งขึ้น ผ่านเรื่องเปิดคณะ ที่หลายๆ คน ใฝ่ฝัน จะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น เราลองไปดูพร้อมกันได้เลย 

คณะ Interior design คืออะไร?

คณะที่สอนในเรื่องของการออกแบบ และตกแต่งภายใน ทั้งศิลปะในการออกแบบตกแต่งภายในอาคาร ตึก บ้าน ที่อยู่อาศัย หรืองานสถาปัตยกรรม เพื่อให้สถานที่ต่างๆ ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม มีสไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการ มีบรรยากาศเหมาะสมกับชีวิตประจำวัน รวมทั้งยังสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้ลงตัว ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ ได้มากที่สุด และสะดวกสบายในการใช้ชีวิตได้อีกด้วย 

ความสำคัญของการออกแบบและตกแต่งภายใน 

1. ความสวยงาม และรูปแบบสไตล์ของการออกแบบ 

สิ่งที่ทำให้เจ้าของนั้นเกิดความภาคภูมิใจ หรือถ้าหากเป็นร้านค้า ธุรกิจ ก็จะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นยอดขาย เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ดี ทำให้ลูกค้านั้นมีความสนใจและอยากชมความสวยงามของสถานที่นั้นๆ

2. การบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอยให้มีความลงตัว 

นักออกแบบจะต้องคำนึงทั้งในเรื่องข้อจำกัดของพื้นที่ จุดเด่น หรือจุดด้อย เพื่อจัดการพื้นที่ ออกแบบ และวางผังให้ตรงต่อความต้องการของผู้ที่ใช้งานได้เหมาะสม รวมถึงเกิดประโยชน์สูงสุด 

3. ความสะดวกสบาย 

การออกแบบตกแต่งภายในนั้น ถ้ามีการออกแบบที่ดี จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้น สร้างความปลอดภัยให้กับสถานที่นั้นๆ ได้ ทั้งทรัพย์สิน หรือสิ่งของที่มีอยู่ภายในอาคาร และความปลอดภัยของผู้ใช้งาน 

4. สร้างความแปลกใหม่ 

การออกแบบภายในนั้น เป็นศิลปะที่มีความหลากหลาย ไม่ตายตัว ซึ่งต้องใช้ความรู้ ความสามารถในด้าน designer มาออกแบบเพื่อให้เกิดความโดดเด่น และมีความแปลกใหม่เพิ่มเติม

5. ออกแบบสิ่งที่มีอยู่ให้ดีมากยิ่งขึ้น 

สามารถออกแบบสร้างสรรค์สิ่งที่มีอยู่ ให้มีบรรยากาศใหม่ ดูดีขึ้น ปรับเปลี่ยนสไตล์ไปจากเดิม หรือปรับให้เกิดประโยชน์ใช้สอยแตกต่างจากเดิม 

รูปแบบของ Interior designer

• สไตล์วินเทจ (Vintage) สไตล์ที่มีความย้อนยุค กลิ่นอายความเก่า ซึ่งเป็นการนำอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น และของตกแต่งในยุคอดีต ที่ได้รับความนิยมมาตกแต่งให้เกิดเป็นสไตล์
• สไตล์มินิมอล (Minimal) สไตล์ที่โดดเด่นในเรื่องของความเรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ โดยในการเลือกใช้อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งนั้น ให้เลือกแบบน้อยชิ้น พร้อมวางระบบพื้นที่ และการจัดการที่ดี เพื่อให้ดูเป็นระเบียบ สะอาด น่ามอง และน่าอยู่อาศัย
• สไตล์ลอฟท์ (Loft) สไตล์ที่มีรูปแบบในการออกแบบสอดคล้องกับภายนอก มีความดิบและความเท่เกิดขึ้น เน้นการโชว์เนื้อแท้ของวัสดุ และโครงสร้างเป็นหลัก
• สไตล์ทรอปิคอล (Tropical) สไตล์ที่เน้นการเลือกใช้อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่ทำมาจากไม้ เน้นโทนสีที่มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด 
• สไตล์เซน (Zen) สไตล์ที่เน้นในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย มีความสงบ บรรยากาศปลอดโปร่ง เลือกใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สอดแทรกความเป็นญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน

โอกาสในการต่อยอดทางอาชีพ 

• Interior designer หรือนักออกแบบตกแต่งภายใน 
• Lighting designer หรือนักออกแบบแสงสว่าง
• นักวางแผนและจัดการพื้นที่
• นักออกแบบนิทรรศการ
• Living designer

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความรู้ดีๆ ในเรื่องของเปิดคณะที่หลายๆ คน ใฝ่ฝัน ที่เรานำมาฝากกัน ไม่เพียงแต่มีในประเทศไทยเท่านั้น ยังมีสถาบันในต่างประเทศที่เปิดสอนคณะนี้เช่นกัน การเรียนต่างประเทศก็จะทำให้เราได้เปิดโลก เปิดประสบการณ์ได้มากขึ้น และถ้าหากใครที่สนใจอยากเรียนในคณะนี้ที่ต่างประเทศ หรือกำลังมองหาที่ปรึกษาให้คำแนะนำแนวทางในเรื่องการเรียนต่อต่างๆ ก็สามารถปรึกษาแนวทางเพิ่มเติมได้ทาง Line : @dpeducation รับรองคุณจะได้เรียนต่อคณะที่ชอบ ในแบบที่ใช่ได้แบบสบายใจ

ใครที่มีความสนใจในเรื่องการเรียนด้านศิลปะ ออกแบบ และแฟชั่นนั้น การเรียนต่อต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้ได้เรียนรู้ในเรื่องของแฟชั่นระดับสากลได้ง่ายมากขึ้น โดย domus academy เป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในเรื่องการเรียน การสอน ด้านของการออกแบบ และแฟชั่นเป็นอันดับต้นๆ ที่นี่มีหลากหลายวิชา หลากหลายหลักสูตรให้เราได้เลือกเรียนตามความสนใจ ซึ่งบางคนนั้นก็อาจจะยังไม่รู้ว่าที่นี่มีหลักสูตรอะไรน่าสนใจกันบ้าง วันนี้เราจึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถาบันนี้กันให้มากยิ่งขึ้นผ่านเรื่อง Recommend 3 หลักสูตร จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมกันได้เลย 

ทำไมต้องเลือกเรียนต่อที่นี่

สถาบันที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการเรียนการสอน ด้านศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น เป็นสถาบันออกแบบระดับโลก ติดอันดับท็อป 3 ในประเทศอิตาลี ซึ่งถูกก่อตั้งโดยกลุ่มดีไซเนอร์อิตาเลียน ที่มีใจรักเกี่ยวกับศาสตร์ของนักออกแบบหลากหลายสาขา ในปี 1982  เป็นสถาบันการออกแบบระดับปริญญาโท ที่มุ่งเน้นประสบการณ์ในการเรียนการสอนที่มีความแตกต่างไปจากเดิม โดยที่สถาบันนี้มีวิทยาเขตหลักๆ อยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี 

Recommend 3 หลักสูตร จาก domus academy

1. Product Design 

หลักสูตรที่มีการเรียนการสอนในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้านของการออกแบบ ด้านวิศวกรรม และทางด้านธุรกิจ โดยการประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมต่างๆ ให้สามารถออกแบบได้ตรงตามโจทย์ ตรงความต้องการ และตรงวัตถุประสงค์ของลูกค้า ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ได้ศึกษาวิธีวิเคราะห์ทิศทางของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เพื่อสามารถคาดการณ์แนวโน้มที่อาจเกิดปรับใหม่ รวมถึงการเลือกวัสดุที่เหมาะสม กำหนดต้นทุนได้เป็นอย่างดี และสามารถพัฒนาต้นแบบเพื่อทำการต่อยอดต่อไปอีกได้ นอกจากนี้การเรียนหลักสูตรนี้นั้น ยังเน้นไปในทางปฏิบัติ เพื่อให้เราได้ลงมือทำด้วยตนเอง ได้ทำการออกแบบอย่างไร้ขีดจำกัด

โอกาสในการประกอบอาชีพของหลักสูตร Product Design

• นักออกแบบผลิตภัณฑ์ 
• นักออกแบบอุตสาหกรรม
• ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ 
• นักออกแบบแพ็คเกจ
• วิศวกรทางด้านผลิตภัณฑ์

2. Service Design

หลักสูตรที่มีการเรียนการสอน มุ่งเน้นในด้านการออกแบบบริการ และประสบการณ์ลูกค้า สามารถเล่าเรื่อง สร้างต้นแบบ ปรับปรุงบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เรียนรู้ในการออกแบบธุรกิจ การแก้ปัญหาในด้านต่างๆ เรียนรู้ในด้านการออกแบบภาพและกราฟิก การออกแบบปฏิสัมพันธ์ สถาปัตยกรรม และการเรียนเขียนโค้ดสร้างสรรค์ รวมถึงหลักสูตรนี้ยังมี Workshop ให้เราได้ลงมือทำจริง ร่วมกับบริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์การทำงานอันมีค่า สามารถนำไปปรับใช้กับอาชีพในอนาคตได้โดยตรง

โอกาสในการประกอบอาชีพของหลักสูตร Service Design

• นักวิจัยด้านการออกแบบ
• นักออกแบบบริการ
• นักวางแผนกลยุทธ์การออกแบบ
• นักออกแบบประสบการณ์

3. Business Design

หลักสูตรที่มุ่งเน้นในเรื่องของการออกแบบและการบริการของธุรกิจเข้าด้วยกัน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดการนวัตกรรม กลยุทธ์ธุรกิจ และการออกแบบบริการ สามารถนำความรู้ไปพัฒนาธุรกิจใหม่ หรือต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเรียนรู้ในด้านการนำเอาวัฒนธรรมในการออกแบบ วิธีการต่างๆ ไปปรับใช้ได้กับธุรกิจอีกมากมาย สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับธุรกิจได้ดี เรียนรู้จุดอ่อน- จุดแข็งของแบรนด์ตนเอง และของคู่แข่ง สามารถทำธุรกิจที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันได้ เพื่อให้มีความแตกต่างจากแบรนด์ หรือบริษัทอื่นๆ 

โอกาสในการประกอบอาชีพของหลักสูตร Business Design

• นักวางแผนกลยุทธ์ด้านแบรนด์และการสื่อสาร
• นักวางแผนกลยุทธ์ด้านดิจิทัล
• นักพัฒนาธุรกิจ 
• ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์
• ผู้จัดการฝ่ายออกแบบและนวัตกรรม
• ที่ปรึกษาธุรกิจ 
• นักวิจัย 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ Recommend 3 หลักสูตร ที่เรานำมาแนะนำให้กับทุกคนในวันนี้ แต่ละหลักสูตรที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรทั้งหมดที่สถาบัน domus ได้เปิดสอน นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายหลักสูตรที่น่าสนใจ ซึ่งหากใครที่กำลังมีความสนใจอยากศึกษาต่อที่สถาบันนี้ สนใจอยากเรียนต่อแต่ยังไม่รู้จะต้องทำอะไร เตรียมตัวอย่างไรดี กำลังมองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากทราบหลักสูตรเพิ่มเติมของสถาบันนี้ สามารถสามารถปรึกษา กับพี่ๆ dp education ได้เลย

การเรียนต่อด้านแฟชั่นในต่างประเทศนั้น เป็นอีกหนึ่งความฝันสำหรับใครหลายคนที่มีความสนใจในด้านของการออกแบบ แฟชั่น หรือศิลปะ เพราะการมีโอกาสได้ เรียนต่อแฟชั่น ในต่างประเทศ นอกจากจะทำให้เราได้เห็นศิลปะรอบโลกแล้ว ยังได้วิชาความรู้จากกระบวนการสอนที่แตกต่างจากในประเทศไทย เพื่อนำมาต่อยอดในสายงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งสถาบันที่โดดเด่น และมีการเรียนการสอนในเรื่องของแฟชั่นก็มีหลากหลายสถาบัน การได้รับคำแนะแนวจึงถือเป็นตัวช่วยที่ให้เราสามารถเลือกเรียนต่อได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ DP Education ซึ่งเป็นศูนย์แนะแนว สำหรับเรียนออกแบบ และแฟชั่นที่อิตาลี ถ้าอยากรู้ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างและมีข้อมูลของสถาบันไหนบ้าง เราลองไปศึกษาพร้อมกันได้เลย

ทำไมต้องเรียนต่อแฟชั่นกับ DP Education

DP คืศูนย์แนะแนวการเรียนออกแบบและแฟชั่น ที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนสอนแฟชั่นชื่อดังในประเทศอิตาลี เพื่อทำการให้คำปรึกษาทั้งในเรื่องของการเรียนต่อ การเลือกสาขาให้ตรงกับความสนใจและความต้องการ รวมทั้งผลักดันนักเรียนไทยให้สามารถเรียนแฟชั่นจากสถาบันในประเทศอิตาลี ที่เป็นศูนย์กลางของโลกในเรื่องของศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบ มีโอกาสได้รับความรู้แบบ Italianess อย่างมืออาชีพ รวมถึงได้เรียนรู้ในด้านของธุรกิจแฟชั่น การออกแบบ ด้วยประสบการณ์ในด้านแฟชั่น การออกแบบ ที่คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนาน เพื่อช่วยสานฝันของนักเรียนที่มีความสนใจในด้านการเรียนแฟชั่นให้เป็นจริง 

DP Education เป็นตัวแทนของโรงเรียนสอนแฟชั่นแห่งไหนบ้าง?

1. Istituto Marangoni สถาบันอิสติตูโต้ มารังโกนี่ 

สถาบันขึ้นชื่อแนวหน้าของประเทศอิตาลี ในด้านการเรียนแฟชั่น และการออกแบบ มุ่งเน้นถ่ายทอดเทคนิคทางด้านศิลปะ การออกแบบที่หลากหลายสไตล์ มีให้เลือกทั้ง MILANO FIRENZE PARIS LONDON  DUBAI MUMBAI  HANGHAI  SHENZHEN และ MIAMI ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถาบันที่ดีที่สุดอีกหนึ่งแห่งของโลก มีวิชาเรียนให้เลือกเรียนหลากหลาย ได้ศึกษาแฟชั่นจากศูนย์กลางในด้านแฟชั่นของโลก ได้ลองปฏิบัติงานจริงกับแบรนด์ระดับโลก เพื่อที่จะสามารถเป็นผู้นำทางด้านการออกแบบ แฟชั่น การบริหาร และการสื่อสารสำหรับทุกธุรกิจ ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของตลาดโลกได้

Domus Academy

สถาบันที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการเรียนการสอนในด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ และแฟชั่น มีวิทยาเขตอยู่ที่มิลาน ในประเทศอิตาลี โดดเด่นในเรื่องการออกแบบเชิงนวัตกรรม ติดอันดับท็อป 3 ทางด้านการออกแบบในประเทศอิตาลี และติดอันดับท็อป 100 ของโลก ประจำปี 2022 (จัดอันดับโดย QS World University Rankings) ทำให้ได้ประสบการณ์ในการเรียนที่มีความแตกต่างออกไปจากเดิม เน้นการผสมผสานความรู้ทางทฤษฎีขั้นสูงกับการทำงานในโครงการจริง ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรม สามารถเลือกวิชาการเรียนการสอนตามความสนใจได้  และมีโอกาสในการนำความรู้ไปต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

3. NABA สถาบันนาบา

สถาบันที่มีวิทยาเขตอยู่ในเมืองมิลาน และโรม Naba เด่นด้านการออกแบบสื่อ media design & multi media art  ร่วมกับการนำความรู้ร่วมสมัยมาประยุกต์ใช้ ผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเเบบททฤษฎี และการเรียนในเชิงปฏิบัติ มีหลักสูตรที่หลากหลาย และได้ทำการเปิดคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในทุกหลักสูตร เพื่อรองรับนักเรียนจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย 

DP Education ดูแลในเรื่องอะไรบ้าง?

• ช่วยเลือกสรรคอร์สที่เป็นตัวตนตรงความต้องการมากที่สุด 
• ให้คำปรึกษาเรื่องของการเตรียมตัวในการเรียนต่อ
• ช่วยตรวจสอบเอกสารที่ต้องใช้อย่างละเอียด ครบถ้วน
• ดูแลให้คำปรึกษาในเรื่องของที่พักและการใช้ชีวิต 
• ดูแลในทุกขั้นตอนทั้งการเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่า และเอกสารทางราชการอื่นๆ
• หลังเรียนจบสามารถให้คำปรึกษาในด้านของการฝึกงานและการทำงานได้อย่างดี

การเรียนต่อต่างประเทศนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี และมีความพร้อม ซึ่งศูนย์แนะแนวการเรียนออกแบบก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับเราเป็นอย่างมาก หากใครที่มีความสนใจอยากจะเรียนต่อที่ต่างประเทศในด้านของแฟชั่น การออกแบบ และศิลปะ ถ้าหากต้องการให้ DP Education ช่วยดูแลให้คำปรึกษา สามารถติดต่อสอบถามหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง Line : @dpeducation

วงการการออกแบบ ศิลปะและแฟชั่นกำลังเป็นอุสาหกรรมที่โด่งดัง ได้รับความนิยม มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักเรียนหลายคนมีความสนใจที่อยากจะศึกษาต่อกันในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น บางคนอาจจะสนใจในเรื่องของการออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภค แต่บางคนอาจจะให้ความสนใจในเรื่องของการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นและการออกแบบ วันนี้เรานำแนวทางที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง Fashion Business น่าสนใจอย่างไร และมีอะไรให้เลือกเรียนบ้าง มาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้เลย

สาขานี้น่าสนใจอย่างไร

ในปัจจุบันนั้น “แฟชั่น” เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลยุทธ์ทางธุรกิจด้านแฟชั่นจึงมีความสำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์มูลค่าให้กับแฟชั่นได้มาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดทั้งแบบร่วมสมัย หรือตามเทรนด์ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อที่จะนำพาเราไปสู่เป้าหมายในทางธุรกิจที่ดีได้

ความน่าสนใจของการเรียนเกี่ยวกับธุรกิจแฟชั่น คือการที่เราสามารเข้าใจในตลาดแฟชั่น เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมแฟชั่นในปัจจุบัน และสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และต้องใช้ทั้งไหวพริบในด้านของทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและทักษะในการสื่อสารที่มีความสร้างสรรค์เพื่อให้กระบวนการทางธุรกิจเสร็จสมบูรณ์และบรรลุเป้าหมายได้

Istituto Marangoni มีหลักสูตรไหนให้เลือกเรียนบ้าง?

สาขา Fashion Business

สาขาที่มีการเรียนในเรื่องระบบแฟชั่น ทั้งในด้านวัฒนธรรม สังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ของแฟชั่นในแต่ละยุคสมัย กระแสนิยมและเทรนด์ของแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ตลาดของผู้บริโภค ระบบอุตสาหกรรมของแฟชั่นในด้านการผลิตและกระบวนการในการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาเป็นข้อตัดสินใจในการออกแบบแฟชั่นเพื่อตอบโจทย์ตามต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด

การสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ น่าจดจำ และการเลือกใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบแฟชั่นและสามารถใช้ความรู้ในด้านธุรกิจทั้งปัจจัยที่เกี่ยวข้องทางการตลาด ราคา กลุ่มเป้าหมายและการวางแผนช่องทางในการส่งเสริมการขายเพื่อที่จะทำกำไรได้สำเร็จบรรลุเป้าหมาย

สาขา Digital Communication & Media

สาขาที่มีการเรียนในเรื่องของธุรกิจแฟชั่นที่มีการนำเทคโนโลยีที่ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างมากมาผสมผสาน เพื่อช่วยสร้างสรรค์สื่อดิจิทัลและสื่อแฟชั่นเพื่อเผยแพร่สู่ท้องตลาดทั้งในทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างภาพจำและจุดขายให้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม การสื่อสาร วางแผนสื่อและกำกับการสร้างได้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เข้าใจกลยุทธ์การสื่อสารและการตลาด เพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้นไป

สาขา Buying

สาขาที่มุ่งเน้นในเรื่องของธุรกิจของอุตสาหกรรมแฟชั่น กระบวนการต่างๆ ในการซื้อและขายทางด้านแฟชั่น พื้นฐานในด้านการดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนไปให้ถึงความสำเร็จ ทั้งทางด้านการตลาด การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างแบรนด์และโฆษณา การจัดการค้าปลีก การคาดการณ์ทางด้านแฟชั่น เทคโนโลยีแฟชั่น ความยั่งยืนและธุรกิจนวัตกรรม

สาขา Entrepreneurship

สาขาที่มีการเรียนการสอนในด้านการวิเคราะห์กลยุทธ์ และการวิเคราะห์แบรนด์ทางการตลาด กฎหมายที่เกี่ยวกับแฟชั่นและการเงิน การออกใบอนุญาต จริยธรรม ความยั่งยืน การจัดการทางด้านนวัตกรรม การบริหารเวลา การสร้างแบรนด์เชิงกลยุทธ์ การประชาสัมพันธ์และโฆษณา และประเด็นร่วมสมัยด้านแฟชั่น

สาขา Marketing

สาขาที่มุ่งเน้นในเรื่องของการตลาด เข้าใจและสามารถพัฒนาแผนการตลาดได้อย่างมั่นคง วิเคราะห์และตีความตลาดแฟชั่นโลกได้ดี สร้างแบรนด์และเรื่องราวของแบรนด์ให้มีความน่าสนใจ ดึงดูดและตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อพัฒนาและกระตุ้นธุรกิจแฟชั่นให้ยั่งยืนต่อไปได้

จบไปแล้วนะคะ กับเกร็ดความรู้ในสาขานี้ น่าสนใจอย่างไร และมีอะไรให้เลือกเรียนบ้าง ที่สถาบัน Istituto Marangoni นั้นเป็นสถาบันที่โดดเด่นในเรื่องของแฟชั่นและการออกแบบเป็นอย่างมากในต่างประเทศ ก็มีสาขาเกี่ยวกับ Fashion ให้ได้เลือกเรียนตามความชอบและความถนัด อีกทั้งยังมีหลักสูตรต่างๆ ทั้งหลักสูตรระยะสั้น หลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโทและอื่นให้เราได้เลือกเรียน หากใครที่มีความใฝ่ฝันในด้านของธุรกิจแฟชั่นและการออกแบบ อยากไปเรียนต่อที่ Istituto Marangoni แต่ยังไม่รู้ว่ามีสาขาอะไรและมีหลักสูตรอะไรน่าสนใจให้เลือกบ้าง ก็สามารถศึกษาหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทางนี้เลย

ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและก้าวไปไกลได้มากขึ้นเรื่อยๆ นั้น สิ่งต่างๆ รอบตัวก็มีการแปรผันไปตามเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ศิลปะเองก็เช่นกัน ที่ในปัจจุบันนั้นมีการผสมผสานและกลมกลืนไปกับเทคโนโลยีต่างๆ มากยิ่งขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างสรรค์ศิลปะได้สวยงาม หนึ่งในสาขาการเรียนที่เป็นสาขาที่มีความเกี่ยวข้องทางด้านศิลปะแต่ยังได้ผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปได้อย่างกลมกลืนและมีความสร้างสรรค์ นั่นก็คือ สาขา Multimedia arts นั่นเอง บางคนนั้นอาจจะยังไม่รู้จักว่าสาขาวิชานี้คืออะไร มีการเรียนในเรื่องอะไรบ้าง และเมื่อเรียนจบมาแล้วจะทำอะไรได้บ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปไขความลับกันว่า เรียนจบมาแล้วทำอะไร และมีอะไรน่าสนใจกันในสาขาวิชานี้

ทำความรู้จักกับสาขา Multimedia arts คืออะไร?

หลักสูตรการเรียนที่ผู้เรียนจะได้เรียนในรอบด้านของศิลปะทั้งการถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายภาพเคลื่อนไหว งานปั้น การวาดภาพต่างๆ ทั้งการวาดด้วยมือและการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ โดยเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับศิลปะ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการออกแบบไอเดียและสร้างสรรค์งานศิลปะออกมาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึก หรือแม้แต่การปั้นโมเดลแบบ 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบคาแรคเตอร์โมเดล ตัวละครต่างๆ ในเกมแอนิเมชัน ไปจนถึงในเรื่องของการจัดองค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ใน Platform ของ Multimedia arts นั่นเอง

เรียนจบมาแล้วทำอะไร

การเรียนจบในสาขานี้นั้น จะสามารถนำความรู้ที่ได้เรียนมาไปทำงานได้อย่างหลากหลายในทุกวงการธุรกิจ ซึ่งในประเทศไทยนั้นฐานเงินเดือนในการเรียนจบสายนี้จะเริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท แต่ถ้าหากสามารถมีโอกาสไปทำงานต่างประเทศ เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนได้เลย โดยอาชีพที่เรียนจบสาขานี้มาแล้วสามารถทำได้ มีด้วยกันดังนี้

• นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer) ผู้ที่ทำการออกแบบภาพและตัวอักษรเพื่อใช้ในการสื่อสารความหมายต่างๆ เพื่อให้ตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำการโฆษณา และต้องมีความสวยงาม และทำการเผยแพร่บนโลกอินเตอร์เน็ต

• นักผลิตการ์ตูนเคลื่อนไหว (Animator) ผู้ที่ทำการออกแบบและสร้างสรรค์ตัวการ์ตูน ภาพเคลื่อนไหว เพื่อใช้ในสื่อเทคโนโลยีต่างๆ ทั้ง โทรทัศน์ ภาพยนตร์ แอนิเมชันหรือเกม

• นักออกแบบสื่อเคลื่อนไหว (Motion Graphic Designer) ผู้ที่ทำการสร้างสรรค์ภาพกราฟิกที่มีการผสมผสานระหว่างภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว  และทำการนำเสนอข้อมูลออกมามีความสวยงาม เข้าใจได้ง่าย น่าสนใจ และดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้

• นักผลิตการ์ตูนเคลื่อนไหว (Animator) ผู้ที่ออกแบบและสร้างตัวการ์ตูนทั้งสองมิติและสามมิติให้เป็นภาพเคลื่อนไหว เพื่อทำการเล่าเรื่องและสร้างเป็นภาพยนตร์ แอนิเมชัน หรือสื่อโทรทัศน์

• นักผลิตเนื้อหาบนสื่อโซเชียล (Social Media and Content Creator) ผู้ที่ทำการสร้างสรรค์และผลิตเนื้อหา เพื่อสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย บนโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์

• นักออกแบบสื่อดิจิทัล (Creative Media Designer) ผู้ที่รับออกแบบในทุกด้านเพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารบนโลกดิจิทัล ทั้งสื่อโฆษณา และสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย 

• นักออกแบบทัศนศิลป์ (Visual Artist) ผู้ที่ทำการออกแบบในด้านศิลปะ ทัศนศิลป์ด้านต่างๆ ทั้งหมด ทั้ง จิตกรรม ประติมากรรม ดนตรี การแสดง ละคร ให้มีความสวยงามและสื่อสารเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

• นักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน ผลิตภัณฑ์ดิจิตัล (UI/UX Designer) ผู้ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดิจิตัล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ได้ง่าย เข้าถึงได้ และเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน ตอบโจทย์ได้ตรงจุด

• นักพัฒนาเกม (Game Developer) ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการผลิตและสร้างสรรค์ พัฒนาเกมออกสู่ท้องตลาด ทั้งการเขียนโค้ด การทำให้ภาพเคลื่อนไหว ใส่เสียงประกอบ เป็นต้น 

• นักออกแบบศิลป์เชิงเทคนิค (Technical Artist) ผู้ที่ทำการสร้างสรรค์ศิลปะในแขนงต่างๆ ให้มีความสวยงามและสื่อสารเรื่องราวให้มีความน่าสนใจมากที่สุด 

  จบไปแล้วนะคะ กับข้อมูลดีๆ ในเรื่องของ Multimedia arts เรียนจบมาแล้วทำอะไร ที่เรานำมาให้ทราบในวันนี้
เป็นสาขาที่ตอบโจทย์ให้กับโลกเทคโนโลยีและผู้ที่สนใจงานด้านศิลปะเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้ทั้งทักษะความคิดสร้างสรรค์และความรู้ในด้านเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ซึ่งหากใครที่สนใจอยากจะศึกษาต่อสาขานี้ในต่างประเทศ อย่างเช่น ประเทศอิตาลีนั้น ก็มีสถาบันต่างๆ มากมายที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการสอนในด้านศิลปะ แฟชั่นและการออกแบบมากมาย หากสนใจอยากศึกษาต่อ แต่ยังไม่มีแนวทางในการเตรียมตัว ก็สามารถลองปรึกษาและสอบถามข้อมูลได้
ทางนี้เลย

อาชีพที่ต้องใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์นั้นมีหลากหลายอาชีพมากในปัจจุบัน หนึ่งในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันนั่นก็คืออาชีพ Product Design นั่นเอง เพราะในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันด้านการตลาดสูง มีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดมากมายและแตกต่างกันไม่มากนัก

ทั้งในด้านของการใช้งาน และคุณสมบัติด้านต่างๆ หากเราต้องการสร้างรายได้ให้กับผลิตภัณฑ์ จึงต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คิดมาอย่างดี มีความสวยงาม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และทำยอดขายให้สูงขึ้นได้กว่าคู่แข่งในท้องตลาด วันนี้เราจึงพาทุกคนไปรู้จักกับอาชีพนี้ กันให้มากยิ่งขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปทำความรู้จักกันต่อได้เลย

อาชีพ Product Design คืออะไร?

ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นผู้สร้างสรรค์และออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมในแต่ละประเภทต่างๆ ตามรูปแบบของงานหรือโจทย์ที่ได้รับมาจากลูกค้า ใช้กระบวนการในการคิดวิเคราะห์ ผสมผสาน วิจัย โดยการที่นำวัสดุในการผลิต ลักษณะรูปแบบ ขนาดของผลิตภัณฑ์และกรรมวิธีการผลิต มาสร้างสรรค์เป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามและตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งานและตลาดของสินค้าในปัจจุบัน รวมทั้งความเป็นไปได้ในการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ที่รองรับการผลิตในปริมาณที่มากแต่สามารถใช้ต้นทุนที่ต่ำลงได้อีกด้วย

อาชีพนี้ ต้องคำนึงถึงในเรื่องอะไรบ้าง?

• การใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องต่อการใช้งาน
• ความสวยงาม ที่สามารถดึงดูดผู้ซื้อให้มีความสนใจ และสามารถเพิ่มยอดขายให้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้อย่างดี
• ต้นทุนในการผลิต ต้องมีต้นทุนที่เหมาะสม ไม่มากไปจนทำให้สินค้าขาดทุนได้
• เวลาในการผลิต ต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม ที่สามารถส่งออกสินค้าสู้ท้องตลาดได้ทันเวลา
• สอดคล้องต่อรูปแบบของงานและโจทย์ที่ได้รับ 
• กรรมวิธีในการผลิต ต้องออกแบบแล้วสามารถผลิตได้จริงในระบบอุตสาหกรรม

ลักษณะของงานในอาชีพนี้ ที่ต้องทำ

1. ทำการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ โดยใช้กราฟิกคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการออกแบบและสร้างสรรค์ เพื่อให้ภาพที่ออกมานั้นดูมีมิติ มีความสมบูรณ์แบบ และสามารถทำการเสนอให้กับผู้ว่าจ้างหรือลูกค้าพิจารณาได้
2. ทดลองทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบหรือสร้างแบบจำลองผลิตภัณฑ์ขึ้น โดยจะต้องทำการผสมผสานวัสดุที่มีในท้องตลาด วัสดุท้องถิ่นที่แตกต่างกัน โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยสูงสุด มีความแข็งแรงทนทาน และสามารถทำการตรวจสอบการทดลองใช้งานได้อย่างเหมาะสม 
3. เขียนวิธีทางเทคนิคในการประกอบชิ้นงานให้เป็นระบบ พร้อมทั้งรายละเอียดขั้นตอนในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
4. ทำการประเมินและประมาณต้นทุนรวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อให้มีราคาที่เหมาะสมและมีราคาที่ย่อมเยาต่อผู้ใช้งาน

ทักษะที่อาชีพที่ควรมี

• ทักษะในด้านองค์ประกอบศิลป์และศิลปะที่เกี่ยวข้อง 

โดยจะต้องสามารถออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดองค์ประกอบ สี และสุนทรียะความสวยงามเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างลงตัว

• โปรแกรมเฉพาะทางของสายวิชาชีพ 

อาทิเช่น กราฟิกคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมอื่นๆ โดยจะต้องทำการติดตาม อัปเดต และเรียนรู้โปรแกรมใหม่ๆ อยู่เสมอ

• ทักษะในการสื่อสาร 

โดยจะต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ดี สามารถสื่อสารให้เข้าใจ เรียบเรียงคำพูดได้ดี และสามารถสื่อถึงรูปแบบของงานที่เราออกแบบมาได้เป็นอย่างดี มีการแสดงเหตุผล โน้มน้าวผู้อื่นได้

• ทักษะการนำเสนองาน 

ซึ่งเป็นทักษะที่ควบคู่กับการสื่อสาร สามารถทำการร่างแบบของผลิตภัณฑ์ออกมาประกอบการนำเสนอ เพื่อทำให้เห็นภาพได้ตรงกัน เข้าใจง่าย และจบงานได้อย่างรวดเร็ว

• ทักษะพื้นฐานทางด้านวิศวกรรม 

เป็นทักษะที่เพิ่มความได้เปรียบในงานสายนี้ เพราะสามารถคำนวณโครงสร้างได้ด้วยตัวเอง และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้า หรือผู้จ้างงาน

• ทักษะความเข้าใจสังคม

สามารถเข้าใจสังคม เทรนด์ต่างๆ ในปัจจุบัน และความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำมาออกแบบและสร้างสรรค์ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

จบไปแล้วนะคะกับความรู้ดีๆ ที่เราได้นำมาฝากกัน อาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและการออกแบบในปัจจุบันนั้นกำลังเป็นที่นิยมสูงมาก ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สำคัญและได้รับความนิยมมากเช่นกัน  หากใครที่มีความสนใจที่อยากจะศึกษาต่อในด้านศิลปะและการออกแบบ อยากเรียนต่อในประเทศอิตาลี เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อในด้านการเรียนแฟชั่น ศิลปะและการออกแบบ ช่วยเปิดประสบการณ์ของการออกแบบทั่วโลกให้เรา ก็สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 

ศิลปะ การออกแบบและแฟชั่นนั้น กำลังเป็นเทรนด์ที่เป็นกระแสได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ส่งผลให้การเรียนต่อในด้านสายแฟชั่นและการออกแบบ คงเป็นสิ่งที่นักเรียนหลายคนมีความใฝ่ฝัน หลายคนอยากที่จะเรียนต่อในต่างประเทศประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแฟชั่นและการออกแบบ เพราะการเรียนต่อต่างประเทศนั้น นอกจากจะได้ความรู้ที่แตกต่างจากการเรียนที่ประเทศไทยแล้ว ยังช่วยให้เรามีประสบการณ์ ได้วิชาความรู้จากกระบวนการสอนจากศูนย์กลางแฟชั่นของโลกจนนำมาต่อยอดได้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแนะนำ 3 หลักสูตรจาก Istituto Marangoni จะมีหลักสูตรไหนน่าสนใจบ้าง เราไปดูพร้อมกันได้เลย 

มาทำความรู้จักกับสถาบัน istituto Marangoni

ก่อตั้งขึ้นโดยแฟชั่นดีไซเนอร์ชั้นนำที่มีความสนใจในเรื่องของศิลปะ แฟชั่น และการออกแบบ โดยมีจุดมุ่งหมายในการถ่ายทอดเทคนิคและได้ทำการฝึกฝนให้กับนักเรียนเฉพาะทางในด้านแฟชั่นและการออกแบบ โดยสถาบันก่อตั้งเมื่อปี 1935 ณ ใจกลางเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และปัจจุบันสถาบันนี้ได้ทำการเปิดสอนในหลักสูตรต่างๆ อีกหลายประเทศกว่า 9 ศูนย์สาขา ทั้งอเมริกา อินเดีย และจีน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันที่ดีที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง โดยมีหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนในด้านของศิลปะ การออกแบบและแฟชั่นที่หลากหลาย รวมไปถึงการเรียนการสอนทางด้านการบริหารธุรกิจและการสื่อสาร ให้ได้เลือกเรียนตามความสนใจ มีการพัฒนาหลักสูตรอยู่สม่ำเสมอ เพื่อทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของตลาดโลก 

แนะนำ 3 หลักสูตรจาก เด่น

1. หลักสูตรปริญญาโท Fashion Styling, Photography & Film หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ขึ้นชื่อของทางสถาบัน เพราะสถาบันนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบและแฟชั่น เป็นหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนทั้ง 3 วิทยาเขต คือ Milan, Florence, และ London เป็นหลักสูตร 1 ปี ที่ได้ทำการรวมทักษะทั้งสองมาไว้ด้วยกัน เป็นการประยุกต์ระหว่าง Styling และการถ่ายภาพแฟชั่น โดยจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของความสำคัญของ การสไตลิ่ง เพื่อที่เราจะสามารถสร้างบรรยากาศและเรื่องราวให้กับการออกแบบของเราได้อย่างมีเอกลักษณ์ มีความเข้าใจในการเชื่อมโยงภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งเข้าด้วยกัน เพื่อสามารถได้ทอดแฟชั่นออกมาได้อย่างขัดเจน เข้าใจได้ง่าย และเรียนรู้การถ่ายทอดอัตลักษณ์ และจิตวิญาณของเทรนด์แฟชั่นออกมาได้

2. หลักสูตรปริญญาโท Fashion Promotion, Communication & Media หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่มีการเรียนการสอน 4 วิทยาเขต ได้แก่ Milan, Florence, Paris, และ London หลักสูตร 1 ปี ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการโปรโมตส่งเสริมเทรนด์แฟชั่นให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น และทำให้สินค้า เป็นที่ต้องการสำหรับผู้บริโภค โดยมีการเรียนการสอนทั้งในด้าน concept ที่จำเป็นในการสร้างแคมเปญ เพื่อสื่อสารให้กับผู้บริโภค การจัดการการตลาดแฟชั่น การประชาสัมพันธ์ทางช่องทางต่างๆ วิธีการคาดการณ์หรือวิเคราะห์เทรนด์แฟชั่นในรูปแบบต่างๆ วิธีการตอบสนองต่อความเป็นไปของสื่อ และการสื่อสารและสามารถทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แสดงออกได้อย่างเด่นชัดมากที่สุด

3. หลักสูตรปริญญาตรี Interior Design / Interiors หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนในวิทยาเขต London และ Milan เป็นหลักสูตร 3 ปี ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการออกแบบและตกแต่งภายในของอาคารสถานที่ ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ เพื่อให้เกิดเรื่องราวน่าสนใจ สไตล์โดดเด่น และมีความสวยงาม โดยจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการตีความ การสร้างสไตล์ การอ่านพื้นที่ รวมถึงสามารถจัดสรรพื้นที่ให้ใช้งานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด 

จบไปแล้วนะคะ กับข้อมูลดีๆที่เรานำมาฝากทุกคนให้ได้รู้ในเรื่องของแนะนำ 3 หลักสูตร การศึกษาต่อทางด้านแฟชั่นที่สถาบันนี้ นอกจากจะช่วยเปิดประสบการณ์ ได้ศึกษาแฟชั่นจากศูนย์กลางในด้านแฟชั่นของโลก ช่วยให้เราเข้าใจเทรนด์แฟชั่นอย่างกว้างขวาง ศึกษาความรู้ได้จากแบรนด์ดัง มีอาจารย์พิเศษที่เป็นปรมาจารย์ในด้านแฟชั่น ศิลปะและการออกแบบ และยังได้ลงมือทำงานกับแบรนด์ระดับโลกอีกด้วย หากใครที่มีความสนใจอ หรือกำลังเตรียมตัว เพื่ออยากศึกษาต่อที่ DP-Education หรือต่างประเทศทางสายแฟชั่น แต่ต้องการคำแนะนำ หรือคำปรึกษาเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่นี่เลย Line @dpeducation

อาชีพที่เกี่ยวข้องกับด้านศิลปะและการออกแบบนั้น เป็นอาชีพที่ได้รับความสนใจ และได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีวัยรุ่นหรือนักเรียนหลายคนที่มีความสนใจในด้านของศิลปะแฟชั่นการออกแบบเพิ่มกันมากขึ้น หลักสูตรทางด้านศิลปะ แฟชั่น การสร้างสรรค์และการออกแบบในปัจจุบันนี้มีหลากหลายหลักสูตรการเรียนออกมาให้เราได้เลือกตามความสนใจมากมาย หนึ่งในหลักสูตรที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือหลักสูตร Fashion Styling นั่นเอง เพราะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและครีเอทลุค เสื้อผ้าให้เหมาะสมกัน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของเสื้อผ้าให้ออกมาตอบโจทย์ตามยุคสมัยมากที่สุด วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอาชีพนี้ให้มากยิ่งขึ้น จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น เราลองไปติดตามพร้อมกันได้เลย 

หลักสูตร Fashion Styling คืออะไร?

หลักสูตร Fashion Styling คือ การเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับด้านแฟชั่น ศิลปะและการออกแบบเสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ จัดแต่งองค์ประกอบของแฟชั่นได้อย่างเหมาะสม ดูดีและน่าประทับใจมากที่สุด ตรงตามโจทย์ของลูกค้าหรือแบรนด์ และสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของเสื้อผ้าได้เข้าใจง่ายที่สุด โดยจะต้องมีการเรียนทั้งในเรื่องของ Style ของเสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ รู้จักโครงสร้างของเสื้อผ้าหรือชุดในแบบต่างๆ วิวัฒนาการของเสื้อผ้าในแต่ละยุคสมัย คู่สีที่เหมาะสม วิเคราะห์เทรนด์แฟชั่น ออกแบบเสื้อผ้าให้มีการเล่าเรื่องที่สอดคล้อง วิเคราะห์ส่วนประกอบ ของ การแต่งกายในประวัติศาสตร์ ในแต่ละยุค จนถึงปัจจุบัน เพื่อนำมาสร้างเป็นพื้นฐานให้กับตัวเราเองในการทำงาน และเป็นแรงบันดาลใจ สามารถผสมผสาน เพื่อทำการออกแบบแฟชั่นที่มี Style เป็นของเราได้อย่างมีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น เพื่อนำไปต่อยอดต่อไปได้ในอนาคต

เรียนจบหลักสูตรแล้วสามารถทำงานในด้านไหนได้บ้าง

• Fashion stylist
• ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์/การออกแบบสร้างสรรค์
• Fashion Photographer ช่างภาพฝ่ายแฟชั่น 
• Costume designer ผู้ออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 
• ที่ปรึกษาด้านแฟชั่นแอนิเมชั่น
• ที่ปรึกษาด้านการเล่าเรื่อง
• ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสร้างสรรค์

เนื้อหาในการเรียนที่น่าสนใจ

• Personal Styling เป็นการเรียนรู้ในเรื่องของการแต่งตัวให้เหมาะสมกับลุคของตัวเราเอง เข้าใจลักษณะรูปร่างแบบต่างๆ ของร่างกาย สามารถแก้ไขจุดบกพร่องได้ดี ปรับให้ดูดีมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น เข้าใจเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ และเรียนรู้ทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับแฟชั่น
• เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างชุด เสื้อผ้า สีต่างๆ ที่เหมาะสม วิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ของชุดได้ เรียนรู้ประวัติศาสตร์เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายในแต่ละยุคสมัย
• Make up ทำความรู้จักกับเครื่องสำอางในรูปแบบต่างๆ เนื้อของผลิตภัณฑ์ เทรนด์ในการต่างหน้าในแต่ละช่วงยุคสมัยมาจนถึงเทรนด์ในปัจจุบัน เข้าใจโทนที่เหมาะกับสีผิวต่างๆ  และจับคู่การแต่งหน้าได้ลงตัว
• Media Styling เรียนรู้การตีความ การสื่อความหมายของแบรนด์ องค์ประกอบการจัดวาง เพื่อนำเสนอสินค้า
• Porfolio Photoshoot เรียนรู้การถ่ายทำในสตูดิโอ ตามรูปแบบและคอนเซปต์ที่ได้วางไว้ 

แนะนำ 3 หลักสูตร ของทาง Istituto Marangoni

1. Fashion Design: Womenswear /Menswear เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นในการออกแบบแฟชั่นเครื่องต่างกายและเสื้อผ้าของทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เรียนในหลักสูตรนี้มีความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายสตรีและเครื่องแต่งกายบุรุษมากยิ่งขึ้น เข้าใจการเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมสมัย ความคิดสร้างสรรค์และการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียนรู้ในเรื่องของการตัดเย็บ เข้าใจในเรื่องของร่างกายในแต่ละเพศสภาพและสามารถทำการออกแบบเครื่องแต่งกายและเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ได้สวยงาม และเหมาะสมกับการใช้งาน

2. Fashion Styling: Creative Direction & Digital Content เป็นหลักสูตรที่สอนในเรื่องของการนำภาพมาสื่อสารแนวความคิดของการออกแบบแฟชั่นและเสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ เรียนรู้เกี่ยวกับจุดสำคัญของการจัดแต่งทรงแฟชั่น ออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นได้ถูกกาลเทศะ มีความสวยงามและสื่อสารเรื่องราว เรียนรู้ในเรื่องของการวิเคราะห์เทรนด์แฟชั่น การเล่าเรื่อง และบริบทแฟชั่นร่วมสมัย ทักษะในการสร้างแรงบันดาลใจสร้างการตอบสนองทางอารมณ์ สามารถเจรจาและวางแผนกระบวนการทางเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังจะได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับภาพเคลื่อนไหวเพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

3. Fashion Business: Fashion & Luxury Brand Mangement เป็นหลักสูตรที่มีการเรียนรู้ในเรื่องของการสร้างแบรนด์โดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น และสินค้าหรูหราที่มีราคาสูง เข้าใจตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่ทำการออกแบบ เรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของบทบาทของผลิตภัณฑ์ในตลาดเป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ เรียนรู้วิธีการปรับใช้เทคนิคการสื่อสาร การตลาด และการส่งเสริมการขายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การวางกลยุทธ์ของธุรกิจได้ดีที่สุด วิเคราะห์องค์ประกอบที่จับต้องได้ คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ (คุณภาพ คุณสมบัติ และการออกแบบ) ความแตกต่างของเอกลักษณ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและส่วนผสมทางการตลาด เพื่อที่จะนำมาต่อยอดในธุรกิจได้ต่อไป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับแนวความรู้ดีๆ ที่เรานำมาฝากกันของหลักสูตรนี้ ดีอย่างไร การเรียนหลักสูตรนี้ ถือเป็นหลักสูตรที่พัฒนาในเรื่องของการออกแบบในรูปแบบต่างๆ จนสามารถนำไปต่อยอดในการทำงานสายแฟชั่นการออกแบบได้เป็นอย่างดี และที่ Istituto Marangoni ก็เป็นสถาบันที่มีความโดดเด่นในเรื่องการเรียนการสอนในเรื่องของแฟชั่นและการออกแบบอย่างมากในประเทศอิตาลีที่เป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลก ซึ่งหากใครที่มีความสนใจที่อยากจะเรียนต่อที่ Istituto Marangoni แต่ยังไม่รู้ควรเริ่มต้นอย่างไรก็สามารถ มาปรึกษาได้ทางนี้เลย

บางคนนั้นอาจจะมีความฝันที่อยากจะทำงานในเรื่องของการออกแบบและตกแต่ง หนึ่งในอาชีพที่หลายคนให้ความสนใจมากในปัจจุบันก็คืออาชีพ ดีไซเนอร์ นั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าอาชีพนี้นั้นจะเป็นเรื่องง่าย เพราะการออกแบบไม่ใช่เพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น ยังมีองค์ประกอบและปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย การทำงานสายนี้นั้นยังต้องแฝงความเป็นตัวตนของเราเข้าไปให้ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอาชีพนี้กันให้มากยิ่งขึ้นในเรื่องของการอยากเป็นดีไซน์เนอร์ ต้องเรียนคณะอะไร จะมีเรื่องอะไรน่ารู้และน่าสนใจบ้างนั้น เราลองไปติดตามและศึกษาเพิ่มเติมไปพร้อมกันต่อไปได้เลย 

อาชีพดีไซเนอร์ คืออะไร ?

อาชีพที่ต้องทำการสร้างสรรค์ ออกแบบ และตกแต่งสิ่งต่างๆ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ โดดเด่น มีการแฝงความเป็นตัวตนของเราเข้าไป รวมไปถึงยังต้องมีการศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาออกแบบหรือเลือกวัสดุที่จะนำมาใช้ให้เหมาะสมกับแฟชั่น และยุคสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหรือสามารถทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตต่อไป

ขั้นตอนในการทำงาน

ทำการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งความคิด ความต้องการข้อมูลที่เป็นสัดส่วนจากลูกค้าหรือผู้ที่ทำการว่าจ้างเรา

1. ศึกษารูปแบบลักษณะของการทำงานที่มีอยู่ ศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำรูปแบบเหล่านั้นมาดัดแปลงหรือนำมาทำใหม่ เพื่อลดระยะเวลาในการทำงาน และยังช่วยลดในเรื่องต้นทุนของการผลิตได้ควบคู่กันไป

2. ทำการออกแบบร่างแบบคร่าวๆ โดยแบบที่ร่างจะต้องมีความครอบคลุมกับแนวคิดให้มากที่สุด เพื่อให้ได้งานที่ออกมาตามความต้องการ

3. นำแบบที่ร่างมาให้กับลูกค้า หรือผู้ว่าจ้างทำการพิจารณาอีกครั้ง เพื่อร่วมกันหาแนวทางเพิ่มเติมในการปรับปรุง พัฒนา และช่วยกันประเมินในเรื่องของวัตถุดิบและราคา

4. นำแบบที่ร่างและปรับแก้แล้ว มาสร้างเป็นแบบ (Pattern) ใส่รายละเอียดในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เขียนภาพและอธิบายวิธีการทำให้ละเอียด และชัดเจนที่สุด เพื่อที่ช่างจะสามารถทำตามแบบได้ง่ายยิ่งขึ้น 

5. ส่งแบบ และสินค้าทดลองให้กับผู้ว่าจ้าง หรือลูกค้าพิจารณาอีกครั้ง เพื่อแก้ไขสิ่งบกพร่องเป็นครั้งสุดท้าย

6. นำแบบที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ว่าจ้าง และลูกค้าแล้ว ประสานงานกับช่างผลิตเพื่อทำการผลิตสินค้าออกมาให้ได้ตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด 

ต้องเรียนคณะอะไร

สำหรับคนไหนที่อยากทำงานสาขานี้ แต่ยังไม่รู้ว่าเรียนคณะอะไรดี ซึ่งคณะที่มีการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนี้มีดังนี้

– คณะศิลปกรรมศาสตร์
– คณะศิลปศาสตร์
– คณะมัณฑนศิลป์
– คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
– คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์
– คณะศิลปะและการออกแบบ
– คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์
– คณะอุสาหกรรมสิ่งทอและการออกแบบแฟชั่น
– คณะวิจิตรศิลป์

ซึ่งแต่ละคณะที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นก็จะมีการแบ่งแยกสาขาการเรียนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการออกแบบ ออกไปอีกมากมายหลายสาขา ซึ่งการออกแบบนั้นก็มีทั้งการออกแบบสิ่งของ เสื้อผ้า เครื่องใช้ สิ่งทอรวมไปถึงการออกแบบอาคาร บ้านเรือน และการออกแบบภายในอีกด้วย

อาชีพนี้ เงินเดือนเท่าไหร่? 

เงินเดือนจะขึ้นอยู่กับสาขาที่เลือก และอาชีพการออกแบบที่เลือกทำงาน ซึ่งแต่ละประเภทก็จะส่งผลให้มีเงินเดือนที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น

– Fashion design เงินเดือนเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-70,000 บาท โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ การทำงาน และสถานที่ในการทำงานร่วมด้วย และหากทำงานในต่างประเทศ ผู้ช่วยเงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 55,000 บาทและดีไซเนอร์ อยู่ที่ 110,000 – 380,000 บาท

– Graphic Designer เงินเดือนเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 27,000-90,000 บาท ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และหากทำงานในต่างประเทศจะมีเงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 66,000 บาท และหากมีประสบการณ์จะได้มากถึง 110,000-220,000 บาท และยังสามารถได้มากสุดถึง 270,000 บาทเลยทีเดียว 

– Interior Design เงินเดือนเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 65,000 บาท และหากทำงานในต่างประเทศจะมีเงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 92,000 – 200,000 บาท

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้ในเรื่อง ต้องเรียนคณะอะไร ซึ่งถ้าหากใครที่มีความสนใจอยากเรียนต่อสาขาที่เกี่ยวข้อง หนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านนี้ก็คือที่ ประเทศอิตาลีนั่นเอง และถ้าหากอยากเรียนต่อที่สถาบันในประเทศอิตาลี แต่ยังไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไร เตรียมอะไรบ้างก็สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย https://dp-education.com/