กลับมาอีกครั้งกับคอลัมน์ Q&A WITH DA ALUMNI ของศูนย์ข้อมูลการศึกษาสถาบันโดมุสอะคาเดมีประจำประเทศไทย คือบทความที่เราจะสัมภาษณ์ถาม-ตอบกับศิษย์เก่าที่เรียนจบการศึกษามาเเล้ว ซึ่งพวกเค้าจะมาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การเรียนที่สถาบันโดมุสอะคาเดมี อาทิ
คอลัมน์นี้จะทำให้น้องๆนักเรียนรุ่นต่อไปที่กำลังจะไปเรียนที่สถาบันโดมุสอะคาเดมี ได้รู้ถึงทุกเรื่องราวในการเรียนที่สถาบัน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากครับ ซึ่งบทความ Q&A WITH DA ALUMNI ครั้งที่ 13 นี้ คุณจะได้พบกับ “ต่อ” ต่อพงษ์ ลิ่มลัญจกร ศิษย์เก่านักเรียนทุนอันดับที่ 1 จากคณะ Master in interior&living design
DA Thailand: โปรเจกต์ท่ีได้ทําตอนเรียน เเล้วรู้สึกชอบที่สุด ?
ต่อ: “Envisioning project” เป็นการเล่าเรื่องถึงแนวคิด (design narrative) ทางสถาปัตยกรรมของโลกอนาคตในปี 2050 เมื่อทั่วทั้งโลกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (climate change) ก่อให้เกิดผลกระทบตั้งแต่ ปัญหาภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่สูงขึ้น ขาดแคลนทรัพยากรรวมถึงสาธารณูปโภคที่จำเป็น ตามแต่ละประเด็นที่นักศึกษาสนใจและเลือกที่จะนำเสนอ “Eco bridge” คือการเล่าเรื่องแนวคิดทางสถาปัตยกรรมในลักษณะ “โครงสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่” (mega structure) ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากผลงาน “continuous monument” ของ superstudio ในยุค radical design period ที่จินตนาการถึงโลกอนาคตในปี 2050 จะกลายเป็นทะเลทรายเนื่องจากสภาวะโลกร้อน เกิดปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย น้ำจืด และพื้นที่สีเขียว มนุษย์จึงต้องอาศัยอยู่ใน “สถาปัตยกรรมในอุดมคติ” (utopia) ที่ภายในมีสังคมการอยู่ร่วมกันของประชากร เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภค รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อีกทั้งยังพิจารณาถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนภายในโครงสร้างดังกล่าว
DA Thailand: ประสบการณ์ในโรงเรียน ประทับใจที่สุด ?
ต่อ: การได้ฟังการบรรยายภายในชั้นเรียนและบรรยายพิเศษที่จัดโดยสถาบันโดมุส จากสถาปนิกและนักออกแบบชื่อดังแห่งยุค 1960s – 1980s อาทิเช่น อันเดร บรานซี่ (Andrea branzi) สถาปนิกและศิลปินผู้ก่อตั้งกลุ่ม archizoom และ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม Memphis, ปีเตอร์ ไชรน์ (Peter Shire) สถาปนิกและศิลปินอิสระจาก LA และกลุ่ม Memphis, อัลโด ซีบิค(Aldo cibic) สถาปนิกและนักออกแบบ หนึ่งใน partner จาก Ettore Sottsass studio และ กลุ่ม Memphis เป็นต้น
การได้ฟังบรรยายทำให้ทราบถึงปรัชญาการออกแบบและวิธีคิด “Italian design”ที่แท้จริง ซึ่งถือเป็น DNA ของ สถาบันโดมุส
ด้วยการที่เป็นนักเรียนสถาปัตยกรรมและการออกแบบการได้มาศึกษาต่อที่ประเทศอิตาลีเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตเพราะทั่วทั้งสหภาพยุโรปเดินทางถึงกันโดยง่ายทั้งเครื่องบินและรถไฟจึงได้เดินทางไปยังงานสถาปัตยกรรม modern ที่ผมชื่นชอบจำนวนมาก ทั้ง Notre Dame du Haut และ Villa Savoye ผลงานของ Le Corbusier ในประเทศฝรั่งเศส, Barcelona Pavillion ผลงานของ Ludwig Mies van der Rohe ที่ประเทศสเปน หรือหลุมศพ Tomba Brion ผลงานของ carlo scarpa ใกล้เมืองเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เป็นต้น
อีกทั้งเมืองมิลานยังมีการจัดนิทรรศการศิลปะและการออกแบบที่น่าสนใจขึ้นทุกปีเช่น Milan design week และ Milan fashion week รวมถึง นิทรรศการสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่เก่าแก่อย่าง Vanice Biennale ที่เมืองเวนิส สามารถนั่งรถไฟไปชมได้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองมิลาน
DA Thailand: สังคม เพื่อน และคุณครู ตั้งแต่ตอนเรียนจนถึงเรียนจบ ?
ต่อ: คณาจารย์ที่สอนในสถาบันโดมุส เป็นศิลปินและนักออกแบบที่มี่ชื่อเสียงจากบริษัทชั้นนำในอิตาลี รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นทีมีความหลากหลายทางด้านชนชาติ ภาษา และวัฒนธรรม มีการแลกเปลี่ยนความเห็นของแนวคิดการออกแบบกันตลอดทั้งปีการศึกษา เป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ดีมาก ถึงแม้ว่าจะเรียนจบและแยกย้ายไปแล้วก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอดครับ
DA Thailand: Facility ของโรงเรียนมีอะไรบ้าง ชอบอันไหนที่สุด ?
ต่อ: ห้อง design lab ภายในสถาบันโดมุส จะเป็นห้องที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ในการขึ้นชิ้นงานนำเสนอผลงานออกแบบ ทั้งงานตัดวัสดุทั่วไป, การฉลุลายต่างๆ, งานพ่นสี, laser cut, 3D printing โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา ช่วยเหลือและวางแผนการทำงาน ทำให้ได้ทราบถึงเทคนิครวมถึง process ในการขึ้นชิ้นงาน ทั้ง mock up หรือ โมเดลจำลอง ภายใต้ระบบความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน
DA Thailand: ได้ฝึกงานกับบริษัทอะไรหลังเรียนจบ หรือ ช่วง Professional Experience ที่ต้องฝึกงาน 2เดือน
ต่อ: ฝึกงานที่ Clino Castelli Studio เป็น สถาปนิกและศิลปินชื่อดัง จากยุค 1980s ที่เคยร่วมงานกับ Ettore sottsass ภายใต้บริษัท Olivetti และยังทำงานร่วมกับ louis Vuitton ใน project “Objets Nomades” , Herman miller, Vitra, Cassina อีกทั้งยังเป็นอาจารย์สอนสถาปัตยกรรมที่ Politecnico di Milano และ guest lecture ที่สถาบันโดมุส รวมถึงเป็นผู้พัฒนาแนวคิดปรัชญาการออกแบบ “noform” และ “metadesign”
ตลอดช่วยเวลาฝึกงานที่นี่และทำงานต่อร่วม 5 เดือน ได้เรียนรู้วิธีคิดของศิลปินอิตาลี การถ่ายทอดแนวความคิดการออกแบบที่เป็นระบบ การตั้งสมมุติฐาน รวมถึงหลักการใช้องค์ประกอบทางศิลปะ”Italian design” ที่ถูกต้อง
DA Thailand:ปัจจุบันทำงานตำเเหน่งอะไรเเละทำที่ไหน
ต่อ: ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ, อาจารย์พิเศษคณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, เปิดสตูดิโอออกแบบ Nomad Atelier และ ครูสอนดำน้ำอิสระ และ รร สอนดำน้ำ seascape จากสถาบัน PADI ครับ