
ส่วนเปิดแท็ก
เชื่อว่าการขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า เป็นขั้นตอนที่ใครหลายคนคงมองว่ายุ่งยากและวุ่นวาย แต่ใน Blog นี้ พี่ ๆ DP ได้คัดสรรและรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า และเอกสารที่จำเป็นอย่างละเอียด ฉบับเข้าใจง่ายมาไว้ให้ทุกคนแล้ว ไปเริ่มกันเลย!
เป็นที่รู้กันดีว่า VISA นั้นมีหลากหลายประเภท โดยจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการเดินทางไปของเราเอง ใน Blog นี้ พี่ ๆ จะเน้นไปที่การขอวีซ่านักเรียนระยะยาว ( Type D ) ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับนักเรียนที่เดินทางไปเพื่อศึกษาต่อที่อิตาลี เป็นระยะเวลาเกินกว่า 90 วัน โดยการขอ VISA จะยื่นขอก่อนเดินทางได้ไม่เกิน 90 วัน และไม่น้อยกว่า 2 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง เท่านั้นนะ ไปดูกันเลย!
เริ่มกันที่ การเตรียมเอกสาร ที่ทุกคนต้องเตรียมให้ครบและพร้อมใช้งาน เพื่อการยื่นขอวีซ่าที่ราบรื่น ย้ำกันอีกครั้งนะ ว่าเอกสารต้องครบและพร้อมใช้งาน! โดยเอกสารที่เป็นภาษาไทยจำเป็นจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอิตาเลียน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะพี่ ๆ DP เรามีแนะนำบริการแปลภาษา การหาที่พัก พร้อมแนะนำบริษัทประกันภัยในประเทศอิตาลีอีกด้วย
*** บอกไว้ก่อนเลย ว่าการยื่นขอวีซ่า Type D นี้ เอกสารที่เป็นภาษาไทย เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หรือใบสูติบัตร จำเป็นจะต้องแปลให้เป็นภาษาอังฤษทั้งหมดนะ เราจะแปลเองก็ได้ โดย ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำเร็จรูป จากเว็บกรมการกงศุลได้เลย หรือจะไปที่ศูนย์การแปลและการล่ามเฉลิม พระเกียรติ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หน่วยบริการรงานแปลและงานล่าม ห้อง 1308 ชั้น 13 อาคารบรมราชกุมารี โทร 0-2218-4635 ก็ได้
1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (ดาวน์โหลดเอกสาร) : การยื่นขอวีซ่า ผู้สมัครรจะต้องกรอกเอกสารให้ครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษ ลงวันที่และลายเซ็นด้วยยตนเอง โดยใหเ้หมือนลายเซ็นในหนังสือเดินทาง และหากในนกรณีผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์) ให้ลงลายเซ็นโดยผู้ปกครอง
2. รูปถ่ายสี 2 ใบ : มาต่อกันที่รูปถ่าย ซึ่งจะต้องมีขนาดตามที่กำหนดดังนี้
3. หนังสือเดินทางปัจจุบันฉบับจริง : โดยจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
ต้องมีหน้าว่างในหนังสือเดินทางเหลืออย่างน้อย 2 หน้า
จะต้องมีอายุหนังสือเดินทางไม่น้อยกว่า 6 เดือน ณ วันที่ยื่นคำร้องขาวีซ่า
และจะต้องมีอายุอย่างน้อย 90 วัน หลังจากวันที่สิ้นสุดวีซ่าตามที่ระบุในคำร้องยื่นขอวีซ่า
4. สำเนาหนังสือเดินทาง 2 ชุด พร้อมลงลายเซ็น
5. สำเนาการจองตั๋วเครื่องบิน : เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินขาไป- กลับที่ออกโดยสายการบินหรือบริษัทตัวแทน (แต่ถ้ายังไม่แน่ใจวันกลับ ก็สามารถแสดงตั๋วเครื่องบิน ขาไป อย่างเดียวก่อนได้นะ)
และข้อมูลจะต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นด้วย โดยจะต้องระบุช่ือผู้เดินทางที่ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง
* พี่ ๆ แนะนาให้ทำการจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนเท่านั้น ยังไม่ต้องชำระเงิน จนกระทั่งวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้ว ค่อยชำระเงินภายหลังจะดีกว่า
6. ใบตอบรับจากสถานศึกษาในประเทศอิตาลี : โดยจะต้องระบุรายละเอียดดังนี้
– สถานศึกษาและโปรแกรมท่ีจะไปศึกษา
จำนวนวันที่จะอาศัยในประเทศอิตาลี
ใบยืนยันในการชำระค่าเล่าเรียน
* สําหรับใครที่ได้รับทุนการศึกษาในประเทศอิตาลี : จะต้องเตรียมจดหมายฉบับจริง โดยระบุรายละเอียดการให้ทุนการศึกษาอย่างชัดเจนจากสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับ
** เมื่อได้รับ VISA แล้ว ทางสถานทูตจะให้เอกสารใบตอบรับจากทางโรงเรียน พร้อมประทับตราสถานทูต ให้ทุกคนพกไปที่อิตาลีด้วยนะ สำคัญมาก ๆ เลย
7. หลักฐานการรจองที่พักหรือโรงแรม (กรณีสถานศึกษาไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายให้) : โดยจะต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอิตาเลียนเท่านั้นนะ และต้องระบุชื่อผู้เข้าพักทุกคน, ที่อยู่ของโรงแรม/ ที่พัก
วันและระยะเวลาที่เข้าพักด้วย
8. หลักฐานแสดงสถานะทางการเงิน: โดยมีเงื่อนไขดังนี้
ต้องแสดงบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน
ต้องมีการอัพเดตรายการเดินบัญชีย้อนหลังล่าสุด ไม่เกิน 7 วันนับจากวันที่ยื่นขอวีซ่า
จะใช้เป็น Bank Statement ที่ขแจากทางธนาคารโดยตรง หรือ Statement online หรือจะถ่ายสําเนําจากสมุดบัญชีเงินฝากก็ได้ และที่สำคัญต้องเป็นบัญชีออมทรัพย์ หรือกระแสรายวันที่ไม่ติดลบเท่านั้นด้วยนะ
9. ถ้ามีผู้ออกค่าใช้จ่าย (* ผู้ออกค่าใช้จ่ายต้องเป็นบิดา มารดา คู่สมรส พ่ีน้องสายเลือดเดียวกันเท่านั้น)
10. ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา : ให้ทุกคนเตรียมขอหนังสือรับรองที่ออกโดยสถานศึกษาท่ีกำลังศึกษาอยู่ โดยต้องระบุชื่อและนามสกุลของเราเองให้ถูกต้อง, ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของสถานศึกษา และลายเซ็นผู้อนุมัติจากสถานศึกษา (* ต้องใช้เอกสารตัวจริงนะ และต้องมีอายุไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ยื่นขอวีซ่าด้วยนะ)
11. ถ้าเป็นพนักงานหรือทํางานแล้ว: แบ่งออกเป็น 3 แบบ ด้านล่างเลย
12. ประกันการเดินทาง : ขาดไม่ได้เลยข้อนี้ พี่ ๆ แนะนำไว้ว่าควรมีประกันเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ซึ่งประกันการเดินทางเนี่ย จะต้องครอบคลุมระยะเวลาทั้งหมดท่ีเราอาศัยอยู่ในประเทศอิตาลี (กลุ่มประเทศเชงเก้น) และมีการระบุช่ือ-นามสกุล ที่ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง ระบุวงเงินคุ้มครองขั้นต่า 30,000 ยโูร (1,500,000 บาท) และข้อตกลงคุ้มครองการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน และอย่าลืมว่าต้องมีทั้งตราปั้มและลายเซ็นจากบริษัทตัวแทนประกันด้วยนะ
13. ใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามีนะ) : จะต้องเป็นเอกสารตัวจริงและถ่ายเอกสาร 1 ชุด พร้อมแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรืออิตาเลียนอีกเหมือนเดิม
14. สุดท้ายคือ ตัง นั้นเอง ค่าใช้จ่ายในการขอ VISA นักเรียน จะอยู่ที่ 50 ยูโร แต่อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ค่า VISA ก็อาจจะเปลี่ยนตาม ถ้าอยากมั่นใจจริง ๆ พี่ๆ แนะนำให้โทรไปเช็ค
กับสถานทูตโดยตรงเลย
เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ก็ไปลุยกันต่อเลย เราจะต้อง Walk in ไปที่สถานทูตอิตาลี (Italian Embassy) ซึ่งตั้งอยู่ที่
สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย
ตึก ออลซีซั่นเพลส (All Season Place) อาคารซีอาร์ซี (CRC) ชั้น 27 โทรศัพท์ 02-250-4970 โทรสาร 02-250-4988 87
เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึงเวลา 12.00 น.
และวันพฤหัสบดี เพิ่มช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.00 น. ถึงเวลา 16.00 น.
BTS ที่ใกล้ที่สุดก็คือ BTS เพลินจิต แต่ถ้าใครที่ขับรถไป ตึกออลซีซั่นนี้อยู่ที่ถนนวิทยุนะ ตึกใหญ่เลย รับรองว่าสังเกตเห็นง่ายแน่นอน
ก่อนจะจากกันไป พี่ ๆ อยากจะย้ำอีกครั้งว่า ควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องตามเงื่อนไขทั้งหมดด้านบนที่พี่คัดมาให้โดยเฉพาะ แต่ถ้าน้อง ๆ มีคำถามสงสัย หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการขอวีซ่ารูปแบบอื่น บริษัทประกันภัยเดินทาง หรือข้อมูลอื่น ๆ ก็สามารถทักมาหาพี่ DP ทางไลน์ หรือจะโทรมาก็ได้นะ ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ สถานทูต และ VFS GLOBAL
หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะ